ในปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะ ChatGPT และ GPT-4 ที่พึ่งเปิดตัวไป ซึ่งเป็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในแวดวงธุรกิจ การทำงาน และการเรียน
CPT เติบโตอย่างรวดเร็วและเรียกได้ว่าเป็นแอปพลิเคชั่นที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ แซงหน้า Instagram และ TikTok ไปแล้ว นอกจากนี้ Google ก็เสียมูลค่าตลาดไป 100,000 ล้านดอลลาร์เนื่องจาก AI ที่เพิ่งเปิดตัวไปทำงานผิดพลาด ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความสามารถในการเอาชนะ ChatGPT
การพัฒนา AI ในปัจจุบันมีการเดิมพันที่สูงไม่เฉพาะบริษัทเท่านั้น แต่รวมถึงบุคคลทั่วไปที่หวังว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอาชีพของตนเอง ความสำคัญที่จะรอดในการพัฒนา AI คือ ความคิดสร้างสรรค์และทักษะเฉพาะตัวที่โดดเด่น AI สามารถคำนวณตัวเลขและข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และสามารถสร้างผลงานศิลปะ ออกแบบ เขียนบทความ และเขียนโฆษณาได้ ใช้งานแทนนักข่าวและนักการตลาดได้อย่างง่ายดาย ไม่จำเป็นต้องถกเถียงว่า AI “ฉลาดกว่า” หรือ “ดีกว่า” มนุษย์ เพราะเครื่องมือเหล่านี้ถูกสร้างและพร้อมใช้งานแล้ว ที่มนุษย์สามารถทำได้คือใช้งาน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอย่างสูงสุด
และแน่นอนว่า AI มีความสามารถที่ชาญฉลาดหลายอย่าง เช่น ช่วยให้สามารถร่นระยะเวลาการทำงานของเราได้โดยใช้ GPT-4 หรือเครื่องมืออื่น ๆ เป็นตัวช่วยในการรวบรวมข้อมูล ร่างอีเมล เป็นต้น แต่นอกจากการใช้งานตามจุดประสงค์เหล่านั้นแล้ว เราได้สนใจในการหาคำตอบที่ว่าจะสามารถใช้กลยุทธ์อะไรที่จะสามารถทำให้เราแตกต่างและ AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ ถึงแม้ว่า AI มีอิทธิพลที่มากขึ้นแล้วก็ตาม กล่าวคือ ในยุคที่ AI มีอำนาจมากขึ้น เราจะพัฒนาตัวเองอย่างไรเพื่อไม่ให้ AI แย่งงานไป ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ข้อสำสัญ ดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการคาดการณ์
สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า AI ไม่ได้สร้างข้อมูลเชิงลึกใหม่ เป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้คาดเดาคำถัดไปที่เป็นไปได้มากที่สุด เช่น “thank ก็มักจะตามด้วย “you” หรือการคาดเดาคำให้มีระดับเดียวกัน ซึ่งมันจะมีคำแนะนำในทางที่เดียวกันและสอดคล้องกับความคิดของคนส่วนใหญ่ และอาจตรงข้ามกับหลักปัญญาที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม AI ยังเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มาก ถ้าใช้อย่างถูกต้อง เช่นการใช้ GPT-4 เพื่อเข้าถึงความคิดและทัศนคติของผู้อื่น แต่อย่าลืมที่จะระมัดระวัง เพราะอัลกอริทึมของ AI อาจทำให้เราเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ง่ายและมีความคิดที่เหมือนกัน หากปล่อยให้ Gmail ค้นหาหรือเขียนอีเมลอัตโนมัติ เอกลักษณ์ภาษาของเราอาจลดลง
ดังนั้นควรรักษารูปแบบการเขียนเองบางครั้งเพื่อรักษาความเป็นตัวเอง และไม่ให้คาดเดาง่ายตามแนะนำของระบบ AI ซึ่งแตกต่างจากการใช้ความคิดและการคาดเดาที่เราเอง
2.ฝึกฝนทักษะที่ AI พยายามเลียนแบบ
GPT-4 ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมีความเคารพและสุภาพในการตอบกลับข้อความ ซึ่งจะสอดคล้องกับความเข้าใจและให้คำตอบที่มีคุณภาพ (ฉันขออภัยหากคำตอบของฉันทำให้คุณไม่พอใจ) อย่างไรก็ตามเราต้องระมัดระวังว่าเป็นโมเดล AI เท่านั้น และคำตอบของเราอ้างอิงจากข้อมูลที่มีอยู่ การตอบสนองขึ้นอยู่กับการคาดคะเนข้อความ และ AI ไม่สามารถแสดงความรู้สึกหรือทักษะที่อ่อนโยนเหล่านี้เหมือนมนุษย์ได้ ดังนั้นเราควรใส่ใจและคำนึงถึงคนอื่นด้วยตัวเราเอง เพราะเป็นสิ่งที่เครื่องมือเช่น AI ไม่สามารถเลียนแบบได้ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่ทำให้มนุษย์และ AI มีความแตกต่างกัน
3.มุ่งมั่นอยู่กับโลกแห่งความจริง
AI หรือ GPT-4 อยู่บนโลกดิจิตอลและจำกัดอยู่ในโลกเสมือนจริงเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันมนุษย์ยังมีกิจกรรมที่ AI ไม่สามารถทำได้ เราต้องรู้สึกเอื้อมถึงว่า AI ไม่สามารถแทรกแซงได้ในโลกอนาล็อกระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ เราต้องให้ความสำคัญในการปกป้องสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ
นักวิชาการทางสังคมอย่าง Arthur C. Brooks ศาสตราจารย์จากฮาร์วาร์ด ได้กล่าวไว้ว่า เทคโนโลยีที่เข้ามาเข้าแทนที่การปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ในชีวิตจริงอาจทำให้คุณภาพชีวิตของมนุษย์เสื่อมลง ดังนั้นเราต้องรับมือและดูแลชีวิตของเราอย่างระมัดระวัง
ในชีวิตประจำวันก่อนการระบาดของโรค การที่เราสามารถรับประทานอาหารกับเพื่อนร่วมงาน ประชุมหรือสนทนากับคนใหม่ ๆ เป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเราใช้ชีวิตโดยไม่ได้พบปะกับคนอื่นเป็นเวลานาน สิ่งเหล่านี้อาจดูอึดอัดน้อยลง สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงการเชื่อมต่อที่ AI ไม่สามารถสร้างได้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ยังคงมีความสำคัญอยู่
4.พัฒนาทักษะจุดเด่นของตนเอง
เครื่องมือของ AI มีคุณภาพที่เพียงพอที่จะเข้าสู่ตลาดขนาดเล็กและกลางในหลาย ๆ อาชีพ เช่น นักเขียนและนักออกแบบ บางครั้ง AI อาจมีคุณสมบัติที่เทียบเท่ากับอาชีพอื่นในระดับสูง อย่างไรก็ตาม มนุษย์ไม่สามารถถูกแทนที่ได้เนื่องจากความเฉพาะเจาะจงของพวกเขา จริงๆ แล้วเหมือนกับผู้ที่เลือกจ่ายราคาแพงมากเพื่อซื้อผลงานจริงของศิลปินเก่าแก่ เช่น การเลือกซื้อผลงานจริงของ Rembrandt แทนที่จะซื้อผลงานที่ไม่ค่อยมีผู้รู้จักในยุคเดียวกัน
ผู้นำองค์กรมักมอบค่าตอบแทนในระดับสูงให้แก่คนที่มีความสามารถโดดเด่นในสายงานของพวกเขา ส่วนหนึ่งเพื่อแสดงถึงคุณภาพและส่วนที่เหลือเพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับคู่ค้าขององค์กรและเป็นการแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญ ดังนั้น AI มีความสามารถที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบในบางเรื่อง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมนุษย์ได้
5.ฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ
GPT-4 และเทคโนโลยี AI อื่น ๆ เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เก่งกาจสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เท็จจริงมากมายได้ทันที แต่ข้อเท็จจริงบางอย่างก็อาจจะไม่เป็นความจริง แม้ว่า AI จะเป็นเครื่องมือที่เก่ง รวดเร็ว และมีผลลัพธ์ที่แม่นยำ แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลให้ต้องฝึกฝนทักษะที่คุณมีอยู่ให้เชี่ยวชาญให้ได้รับการยอมรับในสายงานอาชีพ เพราะ AI จะทำหน้าที่เป็นเพียง “ร่างแรก” เท่านั้น ยังต้องได้รับการตรวจสอบอีกครั้งโดยแหล่งข้อมูลและบุคคลที่เชื่อถือได้ หากคุณมีคุณสมบัติเช่นนั้น คุณก็จะยังมีอำนาจมากกว่า AI อยู่
แม้ว่าเทคโนโลยี AI จะมีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงชีวิตการทำงานของมนุษย์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ แต่หากทำตามเคล็ดลับ 5 ข้อข้างต้นที่กล่าวมา ก็เชื่อว่าทุกคนจะเจอทางที่เหมาะสมสำหรับตัวเองที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ไม่ว่า GPT-4 หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ จะก้าวหน้าไปมากแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้จะเป็นหลักประกันในเส้นทางการทำงานของคุณเอง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา techsauce