คีย์บอร์ด มีสวิตช์อะไรบ้าง แต่ละแบบต่างกันยังไง?
สวัสดีทุกคนอีกครั้งกับซีรีส์คีย์บอร์ด โดยรอบที่แล้วเราได้พาทุกคนมารู้จักกับ ประเภทของคีย์บอร์ด ซึ่งมีมากมายหลากหลายแบบ และมีการแบ่งประเภทที่แตกต่างกันไปซึ่งได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ Mechanical Keyboard คีย์บอร์ดไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการลงลึกเกี่ยวกับสวิตช์ใน mechanical keyboard ต่างๆ ว่ามีที่มายังไง แต่้ละแบบแตกต่างกันยังไง ข้อดีของแต่ละแบบ รวมถึงเหมาะกับใคร ดังนั้นวันนี้เราจึงได้ทำบทความนี้มาเพื่ออธิบายและแนะนำเกี่ยวกับสวิตช์ของคีย์บอร์ดสำหรับผู้ที่สนใจในคีย์บอร์ดต่างๆรวมถึงผู้ที่สนใจใน mechanical keyboardที่เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน มาเริ่มกันเลย
คีย์บอร์ด มีสวิตช์อะไรบ้าง ก่อนอื่นเรามาทวนเรื่อง Mechanical Keyboard กัน
คีย์บอร์ดประเภทนี้มีราคาที่สูงกว่าคีย์บอร์ดแบบทั่วไป และแน่นอนว่าคุณภาพก็สูงตาม ไม่ว่าจะเป็นความทนทานที่มีมากกว่า ตัว Body ที่มีวัสดุหลากหลายแข็งแรงขึ้น และยังสามารถ Custom เองได้ การใช้สปริงโลหะประกอบกับกลไกภายในปุ่มทำให้รองรับการกดมากกว่า 50 ล้านครั้ง, แต่ก็มาพร้อมกับน้ำหนักที่มากขึ้นเช่นกัน. ซึ่งอาจทำให้การพกพาไม่สะดวกเท่าคีย์บอร์ดแบบธรรมดา ในเรื่องของการตอบสนอง, Mechanical ทำได้ดีกว่า เนื่องจากมีการป้องกัน Key Rollover, ทำให้เวลาที่พิมพ์เร็ว ๆ หรือกดปุ่มหลายปุ่มพร้อมกัน, จะไม่เกิดปัญหาพิมพ์ไม่ติด หรือปุ่มเบิล
Mechanical Keyboard มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ทนทานกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป
- ให้ความรู้สึกในการกดที่ดีกว่า
- สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ
จุดเด่นของ Mechanical Keyboard นั้นอยู่ที่ความรู้สึกในการกดปุ่ม ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสวิตช์ที่ใช้ สวิตช์แต่ละประเภทจะมีแรงกดที่แตกต่างกัน และจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไปอีกด้วย
ส่วนประกอบของ สวิตช์ คีย์บอร์ด
ในส่วนประกอบของสวิตช์คีย์บอร์ดนั้น ก็มีอยู่4ส่วนประกอบหลักๆ นั่นคือ
- Stem
คือส่วนบนสุดที่เชื่อมต่อกับ Keycaps รับแรงกดส่งต่อไปยังส่วนต่างๆของสวิตช์ และเป็นจำแนกประเภทของสวิตช์ด้วย โดยจะติดตั้งอยู่ภายใน Housing และสวมบนหัว Spring - Spring
คือสปริงภายในสวิตช์ช่วยพยุง Stem และทำให้มีแรงต้านขึ้ง-ลง ตอบสนองแรงกดของเรา แรงต้านจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของสปริงที่เลือกใช้ - Bottom & Housing
เป็น Body ที่รองรับแรงกดจาก Stem และ สปริง ทำให้กดเสียงจากการกระทบกันขึ้นมา ส่วนนี้เราสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมเพื่อให้เสียงการกดมีความไพเราะมากยิ่งขึ้น เช่น การ Lube หรือใส่ Film รองกระแทกที่ Housing - Metal Leave
เป็นแผ่นเหล็กติดตั้งกับ Housing
คีย์บอร์ด มีสวิตช์อะไรบ้าง
มีทั้งหมด 3 สวิตช์ ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีจุดเด่น ความแตกต่าง และการใช้งานที่ต่างกันไป ดังนี้
Clicky Switch
หากจะพูดถึงเสียงที่ชัดเจนและดังที่สุด มีจังหวัการกดแบบ2จังหวะ ทำให้มีความสนุกในการพิมพ์และเพลิดเพลินในการพิมพ์แรวมถึงเล่นเกมด้วย ซึ่งในโลกของสวิตช์ทั้ง3แบบดั้งเดิมที่มีให้เลือกใช้ สวิตช์ตัวนี้จะมีลักษณะของการกดที่คล้ายกับ Tactile Switch แต่มีความชัดเจนมากกว่าทั้งการลงน้ำหนักและเสียง เหมาะสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในการทำงานหรือการเล่นเกม และส่วนมากจะใช้สำหรับการเล่นเกม
นอกจากนี้ในตระกูลของสวิตช์ Clicky นอกจากBlue Switchก็ยังมีสีสวิตช์ที่เป็น White Switch, หรือ Green Switch ที่มีน้ำหนักในการกดที่แตกต่างกัน และถูกออกแบบมาเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในการทำงานหรือการเล่นเกม โดยที่ Clicky แบบ Blue Switch เป็นที่นิยมที่สุดในวงการของเกมเมอร์และMechanical Keyboard สร้างประสบการณ์การกดที่นุ่มนวลและเป็นที่นิยมอันดับต้นๆในวงการ
Blue Switch หรือ Clicky จะมีเสียงดังที่เกิดจากการพิมพ์ จึงอาจจะทำให้รบกวนเพื่อนร่วมงานหากผู้ใช้ทำงานอยู่ในที่ที่มีคนอยู่จำนวนมาก
Tactile Switch
สวิตช์แบบ Tactile เป็นหนึ่งในสวิตช์ที่น่าสนใจที่สุด จะมีความอยู่กึ่งกลางระหว่าง Linear และ Clicky Switch โดยมีแรงต้านในการกดที่พอดี รวมทั้งมีการกด 2 จังหวะที่น่าสนใจเหมือน Clicky Switch แต่จะมีเสียงที่ไม่ดังมากเหมือน Linear Switch ทำให้เหมาะสำหรับทุกสถานการณ์ในการใช้งานทั้งการเล่นเกมและการทำงาน มีหลายรูปแบบให้เลือกใช้ แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Brown Switch และ Tactile Gray โดยผู้ใช้งานส่วนใหญ่เลือกใช้ Brown Switch เนื่องจากมีการตอบสนองที่ดีและเสียงที่ไม่ดังมาก หรือเรียกรุ่นนี้ง่ายๆว่าลูกผสมของ Clicky และ Linear ก็ยังได้
ซึ่งสรุปแล้ว Tactile เป็นสวิตช์ลูกผสมระหว่าง Clicky และ Linear เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้น้ำหนักในการกดประมาณหนึ่ง จะพิมพ์จะเล่นเกมก็สนุกและเพลิดเพลินมากๆ เพียงแต่เสียงจะไม่ดังสะใจเท่าClicky
Linear Switch
สำหรับ Linear ถือเป็นสวิตช์ที่มีแรงต้านการกดน้อยที่สุดและทำมีการกดเพียงจังหวะเดียว เสียงเงียบที่สุดในทั้ง3ตัว เป็นตัวเลือกที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่เงียบสงบและไม่เมื่อยนิ้ว เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการคีย์บอร์ดที่ลื่นลื่นและสามารถกดเร็วได้ สวิตช์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Red Switch, Black Switch, และ Linear Gray นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับความหนักของสปริงที่ต้องการ โดยที่ Red Switch และ Black Switch เป็นที่นิยมมากที่สุด
สรุปคือ Linear มีเสียงที่เบาสุดในทุกตัว น้ำหนักการกดน้อยสุดและลื่นที่สุด
เปรียบเทียบความต่าง โดยตาราง
สำหรับการแนะนำ คีย์บอร์ด มีสวิตช์อะไรบ้างนอกจากข้างบนที่แยกเป็นประเภทส่วนใหญ่คนก็มักจะเรียกตามสีที่เป็นแต่ละแบบซึ่งส่วนใหญ่ก็มีทั้งหมด3สีแทน3แบบนั่นก็คือสวิตช์สีแดง น้ำตาล และ ฟ้า ซึ่งวันนี้เราได้มีตารางเทียบความแตกต่างของแต่ละสีแต่ละแบบมาให้ทุกคนด้วย
คุณสมบัติ | Red Switch | Brown Switch | Blue Switch |
---|---|---|---|
ประเภท | Linear | Tactile | Clicky |
แรงกด | 45 กรัม | ประมาณ 45 กรัม+ | 50-55 กรัม |
ระยะการกด | 2.0 มม. | 2.0 มม. | 2.2 มม. |
เสียง | ไม่มีเสียง | เสียงก๊อกเบาๆ | เสียงคลิก |
ความรู้สึก | ลื่นไหลต่อเนื่อง | สัมผัสได้เมื่อกดผ่านจุดกึ่งกลาง | สัมผัสได้เมื่อกดผ่านจุดกึ่งกลางและได้ยินเสียงคลิก |
การใช้งาน | เล่นเกม, พิมพ์เร็ว | พิมพ์งานทั่วไป, เล่นเกม | พิมพ์งานทั่วไป, เล่นเกม |
Red switch เป็นสวิตช์ที่มีแรงกดเบาที่สุด เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องกดปุ่มอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เพราะมีเสียงรบกวนน้อย ช่วยให้ผู้เล่นสามารถโฟกัสไปที่เกมได้อย่างเต็มที่
Brown switch เป็นสวิตช์ที่มีแรงกดปานกลาง เหมาะสำหรับการพิมพ์งานและเขียนโปรแกรม มีเสียงเบา ๆ ช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกเพลิดเพลินกับการพิมพ์งาน
Blue switch เป็นสวิตช์ที่มีแรงกดปานกลางเช่นกัน แต่มีเสียงดังกว่า brown switch เหมาะสำหรับการพิมพ์งานที่ต้องการความรู้สึกตอบสนองที่ชัดเจน และต้องการได้ยินเสียงการกดปุ่ม
ทั้งนี้ การเลือกสวิตช์คีย์บอร์ดที่เหมาะสมกับการใช้งานนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการส่วนบุคคลเป็นหลัก ผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมที่ต้องการความรวดเร็วในการตอบสนอง ควรเลือก red switch ผู้ที่ชื่นชอบการพิมพ์งานและเขียนโปรแกรม ควรเลือก brown switch หรือ blue switch ขึ้นอยู่กับความชอบของเสียงรบกวน
Brown Switch กับ Red Switch ที่เขาว่ามีความใกล้เคียงกันมากต่างกันยังไงนะ?
Red switch และ brown switch เป็น switch ประเภท mechanical switch ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด 2 ประเภทในตลาด ความแตกต่างหลักๆ ระหว่างสองประเภทนี้คือ
- แรงกด Red switch มีแรงกดต่ำที่สุด (45 กรัม) ในขณะที่ brown switch มีแรงกดปานกลาง (55 กรัม) หมายความว่า red switch จะกดง่ายกว่า brown switch
- เสียง Red switch ไม่มีเสียงคลิกเมื่อกด ในขณะที่ brown switch จะมีเสียงคลิกเบาๆ เสียงคลิกของ brown switch เกิดจากตัวสปริงภายใน switch ที่จะกระทบกับแท่งโลหะเมื่อปุ่มถูกกดลงจนสุด
- ความรู้สึก Red switch เป็นแบบ linear ซึ่งหมายความว่าปุ่มจะกดลงอย่างราบรื่นจนสุด ในขณะที่ brown switch เป็นแบบ tactile ซึ่งหมายความว่าปุ่มจะมีความหนืดเล็กน้อยเมื่อกดลงจนสุด
ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของ red switch และ brown switch
คุณสมบัติ | Red switch | Brown switch |
---|---|---|
แรงกด | โดยทั่วไปอยู่ที่ 45 กรัม | 45-55 กรัม |
เสียง | ไม่มีเสียง | มีเสียงคลิกเบาๆ |
ความรู้สึก | Linear | Tactile |
เหมาะกับการใช้งาน | เล่นเกม, พิมพ์งานรวดเร็ว | พิมพ์งานทั่วไป, เล่นเกม |
Red switch เหมาะกับการใช้งานที่เน้นความเร็ว เช่น เล่นเกมหรือพิมพ์งานรวดเร็ว เนื่องจากมีแรงกดต่ำและเป็นแบบ linear ซึ่งสามารถกดลงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
Brown switch เหมาะกับการใช้งานทั่วไป เช่น พิมพ์งานหรือเล่นเกม เนื่องจากมีแรงกดปานกลางและเป็นแบบ tactile ซึ่งให้ความรู้สึกที่ชัดเจนเมื่อกดปุ่ม down
รู้ไหมคีย์บอร์ด ไม่ได้มีแค่ Red Blue และ Brown Switch เท่านั้นนะ
เนื่องจากว่าปัจจุบันคีย์บอร์ดแบบ mechanical เป็นที่นิยมอย่างมาก จึงทำให้มีหลายๆแบรนด์มีการผลิตสวิตช์คีย์บอร์ดออกมาเยอะแยะมากมาย ซึ่งเดิมทีโดยแบบต้นฉบับดั้งเดิมนั้นจะแยกประเภทสวิตช์ตามสี 3 สีหลัก แต่ปัจจุบันนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับสวิตช์คีย์บอร์ดในแต่ละแบรนด์กันด้วยนะคะ จะมีแบรนด์อะไรบ้าง มาดูได้เลย
แบรนด์ต่างๆ
แบรนด์ Cherry MX
Switch mechanical แบรนด์ Cherry MX เป็นแบรนด์เก่าแก่ที่หลายคนคุ้นเคย แน่นอนว่าความเชี่ยวชาญของเขาเองก็มากตามอายุของเขาด้วย สวิตซ์จาก Cherry เองถูกใส่บนคีย์บอร์ดเกมมิ่งหลากหลายตัว ถูกใจเกมเมอร์เป็นอย่างดี แม้จะเป็นแบรนด์เก่าแก่ แต่สินค้าของเขาเองก็ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ ยังคงออกสวิตซ์รุ่นใหม่ๆ ออกมาให้นักเล่นคีย์บอร์ดออกมาเรื่อยๆ และมีตัวที่น่าสนใจเยอะมากทีเดียว
Switch Type | Actuation Force | Travel Distance | |
Cherry MX Black Hyperglide | Linear | 60g | 4.0 mm |
Cherry MX Hyperglide Brown | Tactile | 45g | 4.0 mm |
Cherry MX Hyperglide Speed Silver | Linear | 45g | 3.4 mm |
Cherry MX RGB Pink Silen | Linear | 45g | 3.7 mm |
Cherry RGB Brown | Tactile | 45g | 4.0 mm |
แบรนด์ Gateron
Gateron แบรนด์สวิตซ์ที่ถือว่าเป็นตัวเลือกคุณภาพสำหรับคีย์บอร์ดชื่อดัง Keychron ที่มีความนิยมมากมาย โดยเฉพาะ Gateron Milky Yellow ที่ถือเป็นตัวแทนยอดนิยมที่สุดในสาย Linear ด้วยการกดที่มีความลื่นไหล มัน กดสนุก ทำให้เป็นเลือกที่เหมาะสำหรับทั้งการทำงานทั่วไปและการเล่นเกม นอกจาก Milky Yellow แล้ว Gateron ยังมีสวิตซ์ที่หลากหลายให้เลือกทั้ง Linear Tactile และ Clicky เพื่อให้พวกคุณสามารถตัดสินใจได้ตามความชอบและการใช้งานของคุณ สวิตซ์ Gateron มีความเหมาะสมทั้งสำหรับผู้ทำงานทั่วไปและนักเล่นเกม
Switch Type | Actuation Force | Travel Distance | |
Gateron Cap Milky Yellow | Linear | 50g | 4.0 mm |
Gateron Milky Housing Red | Linear | 45g | 4.0 mm |
Gateron Milky Housing Blue | Clicky | 60g | 4.0 mm |
Gateron Milky Housing Brown | Tactile | 55g | 4.0 mm |
Gateron Milky Housing Black | Linear | 60g | 4.0 mm |
Gateron Baby Kangaroo | Tactile | 59g | 3.4 mm |
ด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย Gateron จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการเข้าสู่โลกของคีย์บอร์ดที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ความนิยมของ Gateron ทำให้มีหลายรุ่นที่ขาดตลาด อีกทั้งยังเป็นที่นิยมตลอดเวลา และได้รับความสนใจจากผู้ที่กำลังมองหาประสบการณ์การพิมพ์ที่ยอดเยี่ยมบนคีย์บอร์ด
แบรนด์ Akko
Akko เป็นอีกแบรนด์ที่ครอบคลุมทุกอุปกรณ์สำหรับนักคัสตอมคีย์บอร์ด เพราะมีทั้งตัวบอร์ด สวิตซ์ คีย์แคป สายเชื่อมต่อ และอีกมากมายที่เรียกได้ว่าสามารถซื้อครบ จบในที่เดียวได้ ทางด้านสวิตซ์ของทางแบรนด์เองก็มีให้เลือกมากมาย ทุกรูปแบบ แถมราคายังน่ารัก เป็นมิตรสำหรับมือใหม่สุดๆ
Switch Type | Actuation Force | Travel Distance | |
Akko CS Rose Red | Linear | 43g | 3.5 mm |
Akko CS Matcha Green | Linear | 50g | 4.0 mm |
Akko CS Ocean Blue | Tactile | 36g - 45g | 4.0 mm |
Akko CS Lavender | Tactile | 36g - 50g | 4.0 mm |
Akko CS Crystal | Linear | 43g | 4.0 |
แบรนด์ Kailh
Kailh เป็นแบรนด์ที่คนหลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างแรกเมื่อพูดถึงคีย์บอร์ด Fully Assembledเนื่องจาก Kailh เป็นแบรนด์ที่มีประวัติความเก่าแก่ เริ่มต้นจากการทำสวิตซ์ที่เลียนแบบจากแบรนด์ชื่อดังอย่าง Cherry ต่อมาได้มีการพัฒนาและสร้างสวิตซ์ของตัวเองที่มีคุณภาพสูง ทำให้ผู้ใช้ต่างยอมรับถึงคุณภาพของสวิตซ์ Kailh
ซึ่งสวิตซ์จาก Kailh ครอบคลุมทุกรูปแบบที่คุณต้องการทั้ง Linear, Tactile และ Clicky และยังมีรุ่น Kailh Box ที่มีกรอบสำหรับกันฝุ่นและของเหลวเข้า ทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น และที่น่าสนใจที่สุดคือ ราคาของสวิตซ์ Kailh เองก็มีความเข้าถึงได้ง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับมือใหม่ที่ต้องการลองสวิตซ์ที่มีคุณภาพขึ้น
Switch Type | Actuation Force | Travel Distance | |
Kailh Box Crystal Jade | Clicky | 55g | 3.6mm |
Kailh Box Crystal Navy | Clicky | 60g | 3.6mm |
Kailh Box Crystal Pink | Clicky | 65g | 3.6mm |
Kailh Box Crystal Royal | Tactile | 40g | 3.6mm |
Kailh Box Red | Linear | 45g | 3.6mm |
Kailh Box Black | Linear | 60g | 3.6mm |
Kailh Box Brown | Tactile | 60g | 3.6mm |
จากที่ยกตัวอย่างนี้เป็นแบรนด์ฮิตที่ทุกคนน่าจะรู้จักกัน และนอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่นๆอีกมากมายให้ทุกคนได้จับตามองกันอีกด้วย
เหมาะกับใคร แล้วทำไมถึงเป็นที่นิยม
บอกได้เลยว่าหากพูดถึงสวิตช์แต่ละแบบเหมาะกับใครก็ตอบได้เลยว่าขึ้นอยู่กับความชอบและการใช้งานของแต่ละบุคคลแต่ถ้าหากพูดถึงเรื่อง mechanical keyboard ซึ่งถือเป็นหัวข้อใหญ่ของสวิตช์เลย นั้นก็เหมาะกับ
ผู้ที่ให้ความสำคัญกับสัมผัสการกดและเสียงการกดของคีย์บอร์ด Mechanical keyboard มีคีย์แคปและสวิตซ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะให้สัมผัสการกดและเสียงการกดที่แตกต่างกันไป ผู้ที่ชื่นชอบการพิมพ์หรือเล่นเกมที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำมักจะชอบ Mechanical keyboard ที่ให้สัมผัสการกดที่ชัดเจนและเสียงการกดที่ดัง
ผู้ที่มองหาคีย์บอร์ดที่ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน Mechanical keyboard โดยทั่วไปจะมีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป เนื่องจากมีโครงสร้างที่ซับซ้อนกว่าและวัสดุที่มีคุณภาพสูงกว่า
ผู้ที่ชอบปรับแต่งคีย์บอร์ด Mechanical keyboard สามารถปรับแต่งได้หลายอย่าง เช่น เปลี่ยนสวิตซ์ เปลี่ยนคีย์แคป และเปลี่ยนไฟ RGB ผู้ที่ชื่นชอบการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ของตัวเองมักจะชอบ Mechanical keyboard
สำหรับประเภทกลุ่มคน
เกมเมอร์ ที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มีความแม่นยำ ตอบสนองการกดปุ่มได้รวดเร็ว รองรับการเล่นเกมประเภท FPS, MOBA เป็นต้น , คนรักการแต่งคีย์บอร์ด ที่ต้องการคีย์บอร์ดที่สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการ เช่น เปลี่ยนสวิตช์ เปลี่ยนคีย์แคป เป็นต้น รวมถึงกลุ่มคนทำงานทั่วไป ที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มีความทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน พิมพ์สัมผัสนุ่มนวล ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของนิ้วมือ
สรุป
สำหรับผู้ที่สนใจใน Mechanical Keyboard บอกได้เลยว่าในเรื่องหมวดหมู่ของ mechanical keyboard นั้นค่อนข้างที่จะมีความละเอียดมากเลยทีเดียวและมีสวิตช์แต่ละแบบแต่ละแบรนด์ให้เลือกเยอะมาก ซึ่งวันนี้เราก็พาทุกคนมาทำความรู้จักและแนะนำถึงความแตกต่างมากขึ้นกันไปแล้วนะคะ ก็หวังว่าจะช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถเลือกและเข้าใจกับคีย์บอร์ดแต่ละตัวได้มากขึ้น โดยสรุปแบบคร่าวๆ ของสวิตช์แต่ละแบบกันเลยนะคะ Clicky เหมาะสำำหรับผู้ที่ชอบการกดที่มีน้ำหนักเสียงดังสะใจเป็นคีย์บอร์ดที่ค่อนข้างฮิตในหมู่เกมเมอร์กันเลยทีเดียว , Tactile ส่วนมากจะรู้จักกันในชื่อ Brown Switch มีความเป็นลูกผสมของอีก2ตัว คือน้ำหนักและฟิลลิ่งการกดแบบClicky แต่เสียงจะไม่ดังมากแบบ Linear และแบบสุดท้ายคือ Linear ส่วนใหญ่จะมาเป็น Red Switch เป็นตัวที่เสียงเบาที่สุด การกดนุ่มที่สุด แต่ก็มีการตอบสนองไวเหมาะกับการพิมพ์งานเยอะๆและการเล่นเกมที่ต้องใช้ความเร็ว และทั้งหมดนี้คือสรุปของบทความนี้นะคะ สำหรับใครที่ชอบก็อย่าลืมที่จะติดตาม Neoshop น้า